หม่องปันโย
20 มีนาคม 2018, 12:10:17
หม่องปันโย
รองอำมาตย์เอกหลวงโยนะการพิจิตร ต้นตระกูลอุปะโยคิน เป็นพ่อค้าไม้ชาวพม่าที่มีบทบาทอย่างสูง ในสังคมเมืองเชียงใหม่เมื่อร้อยกว่าปีมาแล้ว โดยได้ประกอบคุณงามความดีมากมาย เป็นที่รู้จักในหมู่เจ้านายฝ่ายเหนือ และให้แก่ทางราชการไทยทั้งใน
สมัยรัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 7 รองอำมาตย์เอกหลวงโยนะการพิจิตร เดิมชื่อ หม่องปันโหย่หรือ หม่องปันโยหรือ อูปันโย ทางราชการไทยเขียน มองปันโย มีชื่อที่เรียกกันทั่วไปว่า หลวงโยฯ หรือ พระยาตะก่า หรือ พญาตะก่า พ่อค้าไม้ชาวพม่าหรือแซงพอ ชื่อ ปันโย ในภาษาพม่าแปลว่า ดอกไม้ ส่วนคำว่า พระยาตะก่า หรือ พญาตะก่า ในภาษาพม่า หมายถึง ชายผู้อุปถัมภ์พระเจดีย์ สร้างพระพุทธรูป และอุปถัมภ์วัด
หลวงโย ฯ เป็นพ่อค้าไม้ชาวพม่าเชื้อสายชนชั้นสูง ชาวปะกัน และ เป็นคนในบังคับอังกฤษ ท่านระบุไว้ในหนังสือขอพระราชทานนามสกุลว่า ท่านเป็นคนพม่า บิดาชื่อ อุเย มารดาชื่อต่ออุ๊ ทวดชื่อ อูบะเยาะ ซึ่งเป็นเจ้าเมืองเมทิลา (ปัจจุบันคือเมืองเล็กๆอยู่ทางทิศใต้ของเมืองมัณฑะเลย์.) ครอบครัวของท่านย้ายไปอยู่ใกล้วัดกันจอง เมืองมะละแหม่ง และ ท่านเกิดที่บ้านที่ถนนไดวอควิ่น เมืองมะละแหม่ง ประเทศพม่า ในวันพฤหัสบดี ขึ้นหกค่ำ ปีมะเส็ง จ.ศ. 1207/พ.ศ.2388 มีพี่น้องสามคนคือ มะยี ปันโหย่ และ อูมิน
สำหรับการเริ่มต้นเข้ามาใน
ล้านนาไทย ของหลวงโยฯ นั้น คุณสังคีต จันทนะโพธิ นักเขียนอิสระ ซึ่งเขียนเรื่องราวของหลวงโยฯ ในชุดกรุมรดกล้านนา ลงพิมพ์ ในหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ สกุลไทยฉบับที่ ๓๐๘๕ ประจำวันที่ ๓ ธ.ค. ๒๕๕๖ โดยอ้างอิงข้อมูลจากหนังสือ พันไมล์บนหลังช้าง ( A Thousand Miles on an Elephant in the Shan State) ว่า มิสเตอร์ ฮอลเลตต์( MR.HALLET ) ชาวอังกฤษ ได้รับฉันทานุมัติจากรัฐบาลอังกฤษให้นำคณะมาสำรวจ เส้นทางรถไฟจาก มะละแหม่ง ผ่านตาก ลำปาง ไปเชื่อมมณฑลยูนาน ของ จีน ซึ่ง อังกฤษ จะขอสร้างจากมะละแหม่ง มา เชียงใหม่ ไป ยูนนาน ซึ่งไม่สำเร็จในครั้งนั้น แต่นายฮอลเลตต์ ได้เขียนหนังสือเล่าถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ตนได้พบเห็นระหว่างท่องเที่ยวและใช้ชีวิตในล้านนาไทย ครั้นเมื่อนายฮอลเลตต์เกษียณอายุกับทางราชการ คณะพ่อค้าก็ขอให้นายฮอลเลตต์เป็นหัวหน้าคณะ มาสำรวจภูมิประเทศของล้านนาอีกครั้ง เพื่อพิจารณาเส้นทางรถไฟที่จะเชื่อมระหว่างมะละแหม่ง กับเชียงใหม่และเชียงรุ้งในประเทศจีน ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ นายฮอลเลตต์ได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่ง จากเจ้านายฝ่ายเหนือของ
ล้านนาโดยเฉพาะจากพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงค์ และ เจ้าอุบลวรรณา พระธิดา
คุณสังคีตเล่าว่านายฮอลเลตต์ เดินทางด้วยขบวนช้างหลายเชือก โดยมองปันโย หรือหลวงโยฯ ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นหนุ่มน้อย ได้เดินทางมากับคณะสำรวจด้วย จากเอกสารดังกล่าว ทำให้ทราบว่า หลวงโยฯเกิดที่เมืองมะละแหม่ง ตำบลเยามินเส่ง ประเทศพม่า
นางแสงเพ็ชร กระแสชัย ซึ่งเป็นหลานของหลวงโยฯ ได้รับการบอกเล่าจากผู้ใหญ่ในครอบครัวว่า มองปันโย หรือ หลวงโยฯ เข้ามาค้าไม้ในไทย(ล้านนาไทย) ตั้งแต่อายุยังน้อย เมื่อตอนปลายรัชสมัยของพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงษ์ (2439-2413) นอกจากนี้เราหลักฐานของ หลวงโยนะการพิจิตร เล่าประวัติของตนเองในหนังสือฏีกาถึงรัชกาลที่๕ เมื่อ เดือนพฤศจิกายน ร.ศ.๑๒๒ (พ.ศ. 2446) ว่า
“เดิมข้าพระพุทธเจ้าได้ออกจากเมืองมรแมรต์สาพิภักเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารทำมาหาเลี้ยงชีพอยู่ในเมืองนครเชียงใหม่ได้ประมาณ ๓๐ ปีเศษข้าพระพุทธเจ้าก็ได้พึ่งพระบารมีของพระเจ้าอินทวิชยานนท์ พระเจ้านครเชียงใหม่ชุบเลี้ยงข้าพระพุทธเจ้าและพระเจ้านครเชียงใหม่ได้โปรดอนุญาตให้ข้าพระพุทธเจ้าเป็นผู้รับเช่าทำป่าไม้ตำบลแม่ป๋ามแม่ป๋อย แขวงนครเชียงใหม่มาได้ ๒๐ ปีเศษ.....”(อ้างใน สันติพงษ์ ช้างเผือกและคณะ,2545 หน้า 5)
จากข้อมูลดังกล่าวสันนิษฐานว่าหลวงโย ฯ น่าจะเดินทางสู่ล้านนาไทย ประมาณอายุไม่เกิน 25 ปี และเข้ามาทำมาหากินอย่างถาวร อยู่ในเชียงใหม่นับแต่นั้นเป็นต้นมา ได้พึ่งพระบารมีพระเจ้านครเชียงใหม่ จนเป็นที่ไว้วางพระทัยให้เป็นผู้เช่าทำป่าไม้เป็นเวลาหลายปีต่อเนื่องกัน
ประวัติศาสตร์ล้านนาในช่วงนี้เป็นช่วงที่อิทธิพลของอังกฤษ ได้เข้ามาครอบงำพม่าและอินเดีย และเริ่มแผ่อิทธิพลทางการเมือง เข้ามาในสยาม เชียงใหม่มีการติดต่อกับชาวตะวันตกมากขึ้น โดยเข้ามาติดต่อทำการค้าและการเผยแผ่ศาสนา และการทำป่าไม้กับบริษัทของชาวอังกฤษและชาติอื่น ๆ โดยได้รับอนุญาตจากรัฐบาลไทย มีคนในบังคับอังกฤษ เช่นพม่าและอินเดีย เข้ามาอยู่ในเชียงใหม่มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีชาวจีนเข้ามาตั้งถิ่นฐานทำมาค้าขายจำนวนมาก หลวงโย ฯเป็นคนเชื้อสายพม่าคนแรก ที่สามารถเข้านอกออกในคุ้มหลวงได้ ท่านได้รับการสนับสนุนให้เริ่มต้นทำป่าไม้สักในไทย จากเจ้าอุบลวรรณา พระธิดาของพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงค์ โดยเจ้าอุบลวรรณาให้ยืมช้าง ๕๐ เชือก การทำป่าไม้ของท่านประสบความสำเร็จ ทำให้ได้รับความไว้วางใจ ให้ทำป่าไม้ในป่าอื่นๆของเจ้านายฝ่ายเหนือ ชั่วชีวิตของท่าน
เมื่อเข้ามาประกอบอาชีพพ่อค้าไม้ไม้ในไทยอย่างมั่นคง
มองปันโยได้สมรสกับหญิงไทยชื่อนางบัวแก้ว มีบุตรธิดา ๓ คน
คือ นายโมส่วย นายองขิ่นและ นางจ๋อน ต่อมาเมื่อนางบัวแก้วเสียชีวิต
ท่านได้สมรสใหม่กับ นางบัวจีน มีบุตรธิดา ๒ คน
คือ นายทองอินทร์และนางสาวแดง เสียชีวิตตั้งแต่ยังเล็ก
ภายหลังเมื่อนางบัวจีนเจ็บป่วยกระเสาะกระแสะ
นางบัวจีนจึงขอให้นางหน้อยซึ่งเป็นหลานแท้ๆของนางบัวจีน
เป็นภรรยาคนที่ 3 นางบัวจีนเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา
หลวงโยฯ มีบุตรธิดากับนางหน้อย ๙ คน คือ นายบุญสม นายทองอยู่
นายทองคำ นายทองดี นางสาวสมบูรณ์ นางเกษิณีหรือมะเย็ง
นางศิริลักษณ์หรือเส่งเหม่ นายทองสายหรือทองส่วย นางประภาศรี
หรือ แสงหล้า หรือมะเอตัน เมื่อหลวงโยฯสูงอายุต้องการการดูแล
ใกล้ชิดท่านจึงมีภรรยาคนที่4 คือ นางนางซึ่งไม่มีบุตรธิดา และไม่มีบทบาทใดๆ
------------------------------------------------------------------
ขอบคุณ- เพจเชียงใหม่ที่คุณไม่เคยเห็น
เอกสารอ้างอิง
สันติพงษ์ ช้างเผือก และคณะ ประวัติการให้สัมปทานป่าไม้แม่แจ่ม (รายงานการวิจัยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย “โครงการ ของหน้าหมู่” ประวัติศาสตร์ตัวตนของชุมชนกลางหุบเขาแม่แจ่ม ธันวาคม 2545
http://www.amed.go.th/aboutus/palace/sur_order.htm...
เรื่องและภาพโดย นางศรีสุดา ธรรมพงษา
(หลานตาของหลวงโยนะการพิจิตร เป็นธิดาของนางประภาศรีบุตรสาวคนสุดท้องของหลวงโย ฯและนางหน้อย )
ผู้ร่วมเขียน ผศ..ดร.กัลยา ธรรมพงษา
****************************************************************************
บริการจัดทัวร์
เชียงตุง เมืองยอง สิบสองปันนา คุนหมิงจีน หลวงพระบาง วังเวียงลาว มัณฑเลย์ พุกาม ทะเลสาบอินเล ตองจีรัฐฉาน
บริษัท เชียงตุงเรียลเอสเตท แอนด์ ทราเวล จำกัด
เลขที่ใบอนุญาต 21/00833
โทร : 092-891-2277,093-2537733,053-727255
ไลน์ไอดี : @chiangtung
เว๊ปไซค์ : Chiangtungbiz.com
youtube:http://bit.ly/2HDFdMO
บทความที่คุณอาจสนใจ
เรื่องเล่าของนางรำจากอีกด้านของกระจก ใน โรงเรียนแห่งหนึ่ง
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ริมฝั่งเจ้าพระยา มีคนจมน้ำสังเวยบ่อยครั้ง จนต้องสร้างศาลถวาย !!!
เป็นพระมหากษัตริย์สยาม รัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี